วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

Golden Retriever — ♥ ``

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
ร่าเริงและเป็นมิตร คล่องแคล่วว่องไว แสนรู้น่าเลี้ยง





ลักษณะทั่วไป
                    โกลเด้นฯเป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง ไม่เทอะทะเก้งก้างจนดูเกะกะ เป็นสุนัขที่มีนิสัยค่อนข้างจะเป็นมิตรกับทุกๆ และสุนัขที่มีความปราดเปรียวและอดทน ลีลาในการย่างก้าวหรือไหวเป็นไปด้วยความนิ่มนวล
ความเป็นมา
                    โกลเด้นฯเป็นสุนัขที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขในกลุ่มสแปเนี่ยล ซึ่งเป็นสุนัขที่มีความเชี่ยวชาญทางน้ำเป็นพิเศษ โดยมีขนาดเล็กกว่าสุนัขพันธุ์นิวฟาวน์แลนด์ แต่มีลักษณะโครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน สันนิษฐานว่าอาจผสมข้ามพันธุ์มาจากสุนัขพันธุ์ไอริชเซทเทอร์ และสุนัขในกลุ่มวอเตอร์สแปเนี่ยล โดยอาจมีสายเลือดของสุนัขพันธุ์บลัดฮาวน์เข้าไปเจือปนอยู่ด้วย
ลักษณะนิสัย
                    นิสัยสุภาพ น่ารัก มีเสน่ห์ ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ และเสียสละรักเจ้าของได้เท่ากับสุนัขพันธุ์ โกลเด้นฯนี้ ลักษณะนิสัยสุนัขพันธุ์นี้ใจดี ชอบอยู่กับคนและสัตว์อื่น มีมนุษย์สัมพันธ์ดี   ค่อนข้างติดคนหรืออยากให้เจ้าของสนใจ โกลเด้นฯ เป็นสุนัขที่ฝึกง่าย มันชอบเห่าเมื่อมีคนอยู่หน้าประตูบ้าน แต่มีบ่อยครั้งที่การเห่านั้นเป็นการแสดงการทักทายมิใช่การขู่
การดูแล
 
          โกลเด้นฯ เป็นสุนัขที่มีขนร่วงมาก จำเป็นจะต้องแปรงและหวีขนให้มันสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง  เพื่อป้องกันขนพันกัน การแปรงขนบ่อยๆ จะทำให้โกลเด้นฯ ดูสวยได้  ผู้เลี้ยงควรดูแลเรื่องเห็บ หมัด     การระคายเคืองที่ผิวหนัง ขณะที่ทำการแปรงขน
       โกลเด้นฯเป็นสุนัขที่ชอบสังคมและไม่ชอบถูกทิ้งให้อยู่ลำพังตัวเดียว  อย่าปล่อยให้สุนัขออกไปนอกบ้านโดยไม่มีคนไปด้วย ผู้เลี้ยงควรพาสุนัขไปเดินเล่นไกลๆ ทุกวัน   หรือหาสนามโล่งๆ ให้ได้วิ่งเล่น        เก็บลูกบอลหรือว่ายน้ำกับสุนัขตัวอื่น เพื่อผ่อนคลายความเครียดและเพื่อนสุขภาพที่ดี

ข้อควรจำ
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ทั่วไปก็มีปัญหาเหมือนหลายๆ สายพันธุ์เช่นกัน สิ่งหนึ่งคือ โรคที่เกิดจากการถ่ายทอดจากพ่อแม่ถึงลูกสุนัข, รวมถึงโรค ข้อสะโพกอักเสบ โรคตาบางอย่าง อารมณ์ที่ไม่สม่ำเสมอ ของสุนัข ควรขอคำปรึกษา จากสัตวแพทย์ หากพบปัญหาเหล่านี้ ผู้ผสมพันธุ์ที่มีชื่อเสียงจะไม่มีความลังเลที่จะให้สัตวแพทย์ช่วยตรวจเลือกลูกสุนัขก่อนการซื้อ
     
มาตรฐานสายพันธุ์
   
ขนาด
มีความสูงประมาณ 21-24 นิ้ว น้ำหนักอยู่ในช่วงระหว่าง 55-75 ปอนด์
ศีรษะ
กะโหลกใหญ่และกว้างโค้งได้รูปสวยงาม ไม่หยักเป็นร่องลึกหรือโหนกนูนจนมีลักษณะเป็นรูปโดม หนังบริเวณใบหน้าควรจะเรียบตึง
ฟัน
ต้องขบกันได้แนบสนิทเหมือนกรรไกร โดยฟันด้านหน้าแถวบนขบเกยอยู่ด้านนอก ซึ่งลักษณะของฟันสำหรับสุนัขพันธุ์โกลเด้น
จมูก
จะต้องเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล ส่วนจะเข้มหรืออ่อนก็ขึ้นอยู่กับสีขน แต่ถ้าจมูกเป็นสีชมพูถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง
หู
หูควรสั้นพอประมาณ ใบหูมีลักษณะห้อยปกลงแนบกับส่วนแก้ม รูปทรงค่อนไปทางรูปสามเหลี่ยม ปลายมน
คอ
ควรยาวพอประมาณ ลำคอควรตั้งบนหัวไหล่ แลดูมั่นคงกล้ามเนื้อแลเห็นเด่นชัด ขนบริเวณรอบคอห้ามมีการตกแต่ง
ลำตัว
โครงสร้างลำตัวกระชับได้สัดส่วน อกลึกและกว้าง ความกว้างของอกอย่างน้อยควรมีขนาดพอๆ กับ ฝ่ามือของผู้ชายวางทาบเสมอพอดี ส่วนความลึกของอกควรลึกเสมอข้อศอกขาหน้า กระดูกซี่โครงควรโค้งได้รูปแข็งแรง อุ้งเท้า : มีขนาดปานกลาง เป็นรูปทรงกลม อุ้งเท้ากระชับ นิ้วเท้าไม่กางแบะออกเหมือนตีนเป็ด ขนบริเวณใต้อุ้งเท้าควรได้รับการขลิบออก เพื่อช่วยให้การยึดเกาะมั่นคงยิ่งขึ้น
อุ้งเท้า
มีขนาดปานกลาง เป็นรูปทรงกลม อุ้งเท้ากระชับ นิ้วเท้าไม่กางแบะออกเหมือนตีนเป็ด ขนบริเวณใต้อุ้งเท้าควรได้รับการขลิบออก เพื่อช่วยให้การยึดเกาะมั่นคงยิ่งขึ้น
หาง
ควรตั้งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดต่อจากเส้นหลัง หางมีขนาดใหญ่โดยเฉพาะบริเวณโคนหางควรจะมีกล้ามเนื้อ
ลำตัวหน้า
เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มีขนาดเหมาะสมรับกับลำตัวส่วนหลังขณะที่เดินหรือวิ่ง การก้าวย่างเป็นไปอย่างอิสระ
ลำตัวหลัง
หนาและแข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บั้นท้ายมีลักษณะลาดเทเล็กน้อย กระดูกขาท่อนบนทอดไปทางด้านหลัง
ขน
ขนดกแน่น สามารถปกป้องน้ำได้เป็นอย่างดี ขนมี 2 ชั้น ขนชั้นนอกจะยาวและมีลักษณะค่อนข้างแข็ง เส้นขนมีความยืดหยุ่นในตัว สำหรับขนบริเวณด้านหลังของขาและใต้ท้องจะมีลักษณะค่อนข้างอ่อนนุ่มกว่าขนตามลำตัว
สีขน
สีต้องเป็นสีน้ำตาลออกทอง ส่วนจะมีสีเข้มอ่อนไม่มีปัญหา ขนตามใบหน้าและลำตัวอาจจะมีเหลือบเทาหรือขาวก็ได้ แต่ถ้าเป็นรอยแต้มด่างสีขาว หรือมีขนสีขาวขึ้นแซมถือเป็นข้อบกพร่อง


http://www.dogilike.com/breeds/2/โกลเดนรีทรีฟเวอร์.php

น้องหมาสำนึกผิด !!

Chihuahua — ♥ ``

 
ชิวาวา
น้องหมาตัวจิ๋ว ขนาดกะทัดรัด ฉลาดและร่าเริง





 
ลักษณะทั่วไป
ชิวาวา เป็นสุนัขขนาดเล็ก ถือว่าตัวเล็กที่สุดในโลก!! หูมีขนาดใหญ่ ดวงตากลมโต เหมาะที่จะใช้เลี้ยงเป็นเพื่อน ชอบออกไปเดินเล่นกับเจ้าของ เห่าเสียงดัง ค่อนข้างติดเจ้าของและไม่ทำลายข้าวของ
ความเป็นมา
ชิวาวาหรือเจ้าชิวาว่ามีต้นกำเนิดที่ประเทศเม็กซิโก ชาวพื้นเมืองนิยมเลี้ยงเพราะมีความเชื่อถือในเรื่องโชคลางต่างๆ จนถึงขั้นมีการนำชิวาวาไปใช้ในพิธีบูชายันต์!!
ลักษณะนิสัย
ฉลาด ร่าเริง ตื่นตัวอยู่เสมอ ติดเจ้าของ
การดูแล
 
วงอายุที่ต้องการเอาใจใส่มากที่สุดในการเลี้ยงชิวาวาเพราะสุนัขจะตายมากที่สุดคือช่วงอายุระหว่าง 2-3 เดือน เนื่องจากวัยนี้เป็นช่วงที่สุนัขเพิ่งเริ่มอดนมใหม่ๆ ซึ่งหากลูกสุนัขกินอาหารอะไรที่ผิดไปเพียงนิดเดียว ก็จะส่งผลให้สุนัขท้องเสียได้ โดยถ้าสุนัขตัวไหนไม่มีภูมิต้านทานได้รับเชื้อก็อาจจะถึงตายได้เหมือนกัน แต่หลังจากช่วงอายุ 2-3 เดือนไปแล้ว ก็สามารถที่จะเอาใจใส่น้อยลงได้

แล้ววิธีสังเกตง่ายๆ ว่าสุนัขมีอาการผิดปกตินั้นให้สังเกตจากการที่สุนัขไม่ค่อยกินข้าวหรือกินข้าวน้อยลงก็ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าสุนัขกำลังจะไม่สบาย และส่วนการให้อาหารนั้นผู้เลี้ยงสามารถเลือกซื้ออาหารสุนัขสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดมาให้กับสุนัขกินได้เพียงแต่เลือกให้เหมาะสมกับสุนัขเท่านั้น

ในเรื่องของการออกกำลังกาย ผู้เลี้ยงสามารถปล่อยให้ชิวาวาไปออกกำลังกายได้เองภายในสวนหรือพื้นที่จำกัด แต่ชิวาวาชอบที่จะออกไปเล่นกับเจ้าของมากกว่า
 
 
ส่วนเรื่องสุขภาพนั้นโรคที่จะเกิดขึ้นกับชิวาวาก็จะเหมือนกับสุนัขพันธุ์อื่นทั่วๆ ไป ซึ่งโรคที่พบบ่อยคือ โรคลำไส้อักเสบกับไข้หัด สาเหตุของโรคทั้งสองเป็นโรคติดต่อซึ่งหากสุนัขตัวไหนไม่มีการฉีดวัคซีนแล้วไปถูกเชื้อเข้าก็จะติดต่อได้
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
ผู้เลี้ยงชิวาวาต้องมีเวลาพาสุนัขไปออกกำลังกายบ่อยๆ เพื่อควบคุมน้ำหนัก และต้องมีความรอบคอบในการดูแลสุนัข เนื่องจากชิวาวาเป็นสุนัขพันธุ์เล็กหากผู้เลี้ยงไม่มีความระมัดระวังอาจจะเผลอถอยรถเหยียบหรือพลัดหล่นจากมือตกลงมาตายหรือกัดสายไฟถูกไฟช๊อตตายได้ ดังนั้นการป้องกันอุบัติเหตุที่ดีที่สุดคือการใส่สุนัขไว้ในกรงตลอดเวลา
ข้อควรจำ
ระวังอย่าให้ศีรษะได้รับการกดหรือการกระแทก เพราะน้องชิวาวามีความเสี่ยงที่กระโหลกหน้าผากจะปิดไม่สนิทแม้จะอยู่ในช่วงโตเต็มวัย นอกจากนี้ ฟันของชิวาวามักมีหินปูนจับบ่อย จึงต้องพาไปหาสัตวแพทย์ ปีละ1-2ครั้ง
     
มาตรฐานสายพันธุ์
   
 
ขนาด
 มีขนาดเล็กมาก 
ศีรษะ
 หัวกะโหลกกลม แก้มค่อนข้างเล็ก 
ฟัน
 ขาว แข็งแรง ขบแบบกรรไกร 
ตา
 ตากลมโต 
หู
 หูมีขนาดใหญ่ ใบหูตั้งและที่หูมีขนยาว 
คอ
 คอกลม หัวไหล่เล็ก ถ้าพันธุ์ขนยาวจะมีขนดก 
ลำตัว
 ความยาวของตัวยาวกว่าความสูง หลังตรง 
ขาหลัง
 ขาหลังตรงไม่บิด ห่างกันพอเหมาะ 
เท้า
 เท้าเล็ก นิ้วเท้าเรียงชิด เล็บค่อนข้างยาว 
หาง
 หางค่อนข้างยาว โค้งเหมือนเคียว บางตัวอาจจะม้วนหางยกสูง 
ขน
 ชนิดขนสั้น ค่อนข้างนุ่มและสั้นทั่วทั้งตัว ชนิดขนยาวจะยาวเป็นพิเศษตรงบริเวณหู อก ลำตัว 
สีขน
 มีหลายสี และสีสม่ำเสมอทั้งตัว แต่อาจจะจางๆเป็นบางส่วน


http://www.dogilike.com/breeds/9/ชิวาวา.php

Beagle — ♥ ``

 
 
บีเกิล
เฉลียวฉลาด ซุกซน คล่องแคล่วว่องไว



 
ลักษณะทั่วไป
บีเกิลถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "สุนัขไล่หมาจิ้งจอกขนาดเล็ก" ขนสั้นเรียบลำตัวมีความยาวของลำตัวมากกว่าด้านสูงเล็กน้อย หูชิดกับหัว ปกติสีของบีเกิ้ลมี 3 สี ขาว ดำและแทน แต่สีที่เด่นและเป็นที่ยอมรับ คือสีผสมกันทุกสีจะเป็นที่ยอมรับ สุนัขบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่อยู่ในกลุ่มต้นๆ ของสุนัขล่าสัตว์ แผลเป็นส่วนใหญ่มักเกิดจากการล่าสัตว์ รอยตัด รอยแหว่งที่หู ที่อาจเกิดจากหญ้า หนาม ใบไม้เป็นพิษ เป็นต้น
ความเป็นมา
ต้นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์บีเกิลนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อกันว่าสุนัขกลุ่ม Hound สายพันธุ์นี้น่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษตั้งแต่ยุคสมัยก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะเข้ายึดครอง บางรายงานกล่าวว่ามีการพบสุนัขสายพันธุ์นี้ในสมัยฝรั่งเศสและกรีกโบราณ และมีหลักฐานที่แน่ชัดชิ้นหนึ่งซึ่งบ่งชี้ว่ามีการใช้สุนัขสายพันธุ์บีเกิลนี้สำหรับล่าสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างกระต่าย ตั้งแต่ยุคสงครามครูเสด
สุนัขสายพันธุ์บีเกิลสามารถพบเจอได้เกือบทุกพื้นที่ของประเทศอังกฤษเนื่องจากเป็นสายพันธุ์ซึ่งชาวอังกฤษนิยมเพาะมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของพวกเค้าคือมีความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างสูงในการไล่ล่าและแกะรอยกระต่ายป่า ดังนั้นนายพรานชาวอังกฤษจึงมักพาเจ้าบีเกิลออกไปเป็นฝูงๆ แต่เช้ามืดเพื่อดมกลิ่นหาเหยื่อ เมื่อพวกเค้าได้กลิ่นเป้าหมายก็จะเห่าบอกเจ้านายและตามตีวงล้อมอย่างไม่ลดละ บีบให้เหยื่อเหลือทางหนีน้อยที่สุด (และหากเจ้ากระต่ายตัดสินใจหนีออกทางที่เหลืออยู่ก็มักต้องพบนายพรานดักรออยู่นั่นเอง) ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้เป็นที่นิยมของนายพรานชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก
ในเวลาต่อมา ได้มีผู้นำสุนัขสายพันธุ์บีเกิลไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง หากแต่บีเกิลที่เข้ามาในสหรัฐอเมริกาช่วงแรกๆ นั้นก็ยังไม่มีรูปร่างสวยงามตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์เหมือนอย่างบีเกิลของประเทศอังกฤษ กระทั่งถึงปี ค.ศ.1870 จึงมีนักพัฒนาสายพันธุ์สุนัขชาวสหรัฐฯ กลุ่มหนึ่งเริ่มหันมาสนใจพัฒนาสายพันธุ์ของบีเกิลอย่างจริงจัง จนทำให้ได้บีเกิลซึ่งมีลักษณะดี เป็นที่ยอมรับ ถูกต้องตามมาตรฐานในที่สุด ซึ่ง American Kennel Club ก็ได้ทำการจดทะเบียนรับรองสุนัขสายพันธุ์บีเกิลตัวแรกเมื่อปี ค.ศ.1885 และต่อมาในปี ค.ศ.1888 จึงได้มีการก่อตั้งชมรมผู้เพาะพันธุ์บีเกิลแห่งสหรัฐฯ ขึ้นอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบันสุนัขสายพันธุ์บีเกิลยังคงเป็นสุนัขซึ่งมีผู้นิยมเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยความน่ารัก คล่องแคล่ว และเป็นมิตรกับทุกคน อย่างไรก็ตามบีเกิลอาจไม่เหมาะนักสำหรับการเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความที่เค้าต้องการสังคมสูง ชอบเล่นสนุก ชอบผูกมิตรกับสมาชิกในครอบครัวและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ดังนั้นหากปล่อยให้เค้าต้องอยู่ตามลำพังเป็นเวลานานจนเกินไปอาจทำให้เค้าเกิดความเครียดและนำไปสู่พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์หลายๆ ประการ
ลักษณะนิสัย
บีเกิลเป็นสุนัขที่เป็นมิตร ร่าเริง ไม่ขี้อาย ไม่ขี้กลัว และไม่ก้าวร้าว ต่อคนหรือสัตว์อื่นๆ ด้วยขนาดที่กระทัดรัด และด้วยที่เค้าชอบคน บีเกิลจึงเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็กๆได้ดี บีเกิ้ลสามารถปรับตัวเข้ากับคนได้เป็นอย่างดีจนเค้าไม่เหมาะจะเป็นสุนัขกลางแจ้ง การที่ถูกทิ้งไว้หลังบ้านตลอดเวลา จะทำให้เค้าเบื่อซึ่งจะแสดงออกโดย การเห่า หอน ขุด และพยายามหนี้
การดูแล
 

การดูแลทำความสะอาดให้สุนัขขนสั้นอย่างบีเกิลนั้นแสนง่าย แค่อาบน้ำให้เค้าอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวของเค้าให้แห้งพร้อมๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้เค้าก็ได้ ส่วน เรื่องการแปรงขนให้บีเกิลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่าเค้ามีขนสั้นและสีเข้ม ควรแปรงขนให้แก่น้องบีเกิลทุกๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน
 
และถึงแม้ว่าสุนัขสายพันธุ์บีเกิลนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ด้วยเหตุที่จุดประสงค์ดั้งเดิมที่เค้าถูกพัฒนาขึ้นมาคือการเป็นสุนัข สำหรับล่าสัตว์ ทำให้พวกเค้ามีพลังงานในตัวมากและชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง จึงควรพาน้องบีเกิลไปออกกำลังกายบ้างอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น และหากอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีบริเวณกว้างขวางนัก อย่างเช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ ก็จะต้องพิจารณาให้ดีว่าพอมีเวลาและมีสวนสาธารณะใกล้เคียงที่สามารถพาเค้าไปเดินเล่นออกกำลังได้หรือไม
 
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
บีเกิลเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆ ดังนั้นครอบครัวที่มีเด็กจึงเหมาะกับการเลี้ยงสุนับพันธุ์นี้มากๆ
ข้อควรจำ
บีเกิลไม่ชอบและจะเบื่อถ้าถูกทิ้งอยู่ตามลำพัง ตัวเดียวได้เป็นเวลานานๆ ถ้าพวกเขารู้สึกเบื่อ เขาจะซนมาก คอยจะขุดหลุม หลีกหนี หรือดึงเสื้อผ้าที่ตากบนราวลงมาเล่น
 
   
มาตรฐานสายพันธุ์
   
 
ขนาด
 ความสูงไม่ควรเกิน 15 นิ้ว 
ศีรษะ
 กะโหลกค่อนข้างยาว ท้ายทอยเป็นรูปโดม หน้าผากกว้างและเต็มจมูกยาวปานกลาง ส่วนปลายจมูกเห็นชัดเจน 
ฟัน
 ฟันต้องแข็งแรง ฟันสีขาว ขบกันพอดี 
ตา
 ดวงตากลมใหญ่ ตั้งอยู่ในตำแหน่งพอดี สายตานุ่มนวล แต่แววตาแสดงออกถึงความกระตือรือร้น ดวงตามีสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลแดง 
หู
 หูอยู่ในตำแหน่งต่ำเล็กน้อย ชิดกับหัว ขอบหน้าใบหูชิดกับแก้ม มีความยาวมากถ้ากางหูออก ปลายใบหูจะชิดกับปลายจมูก ใบหูเนื้อบาง หูค่อนข้างกว้างและกลม ในส่วนปลายไม่สามารถทำให้หูตั้งขึ้นได้ 
คอ
 ลำคอยาวปานกลางงอยู่ในตำแหน่งอิสระ แข็งแรง คอไม่ต่ำ ลำคอสะอาด ไม่มีรอยย่นของผิวหนัง แต่อาจมีบ้างเล็กน้อยในตำแหน่งด้านล่างตรงมุมของกราม แต่ยอมรับได้ 
อก
 อกลึกและกว้างแต่ไม่รบกวนการเป็นอิสระของของไหล่ 
ลำตัว
 ลำตัวสะอาดเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเส้นโค้งของไหล่จะทำให้การเดินและท่าทางของสุนัขเต็มไปด้วยความแข็งแรงดูไม่หนาเทอะทะ 
ขาหน้า
 ตรง เต็มไปด้วยกระดูกซึ่งเป็นลักษณะของสุนัขกลุ่มล่าสัตว์ ข้อเท้าสั้นและแข็งแรง 
ขาหลัง
 เข่าแข็งแรง ลาดลงพอดี ข้อเท้าสมดุลและแบออกปานกลาง 
หาง
 อยู่ตำแหน่งปานกลาง ปลายหางโค้งขึ้นเล็กน้อยสูงกว่า แต่ไม่ไปด้านหน้ามากนัก หางจะมีขนเป็นพวง 
ขน
 3 สีร่วมกันโดยไม่มีสีใดเด่น

http://www.dogilike.com/breeds/20/บีเกิล.php

Pomeranian — ♥ ``

ปอมเมอเรเนียน
ตัวเล็ก เห่าเก่ง และสวยงาม







ลักษณะทั่วไป
                         สุนัขปอมเมอเรเนียนหรือเรียกสั้นๆ ว่า น้องปอมอยู่ในกลุ่ม Toy Group มีขนาดกระทัดรัด หลังสั้น ขนชั้นล่างอ่อนนุ่ม แน่นทึบ ขนชั้นนอก ยาว ฟู มีมาก ค่อนข้างหยาบ ตำแหน่งโคนหางสูง ขนหางแน่น เป็นพวง หางวางราบบนหลัง ปอมส่วนใหญ่ ท่าทางตื่นตัว ร่าเริง อยากรู้อยากเห็น แสดงความฉลาดให้เห็นได้เสมอ มีย่างก้าวที่คล่องแคล่ว สง่างาม และมั่นคง


ความเป็นมา

                      บรรพบุรุษของน้องปอมย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็นน้องปอมในปัจจุบัน ครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้ำวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกำเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์
                     ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้ำในประเทศเยอรมัน และถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นำมาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้ำหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปีมาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัด ช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกประการ ยกเว้นแต่ตำแหน่งของหางที่อยู่ต่ำเกินไปเท่านั้น
                     แสดงว่าสุนัขพันธุ์ปอมนี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระองค์ลงประกวด ทำให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก
                    ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็นต้นตำรับ 4-5 ปอนด์ ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็นฝูง บางแห่งทำเป็นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891 ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อยครั้ง ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมฯ ที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892 ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมีการสั่งนำเข้าอีกเกือบ 200 ตัว มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีขนาดกลาง ตาเป็นวงรีสีดำ หูเล็กตั้งตรง ลำตัวสั้นขนาดกระทัดรัด หางเป็นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง




ลักษณะนิสัย
                     น้องปอมส่วนใหญ่มีการแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ขี้ประจบ แต่เป็นสุนัขค่อนข้างตกใจง่าย เห่ามาก ยิ่งตัวเล็กยิ่งเห่าเก่ง




การดูแล
 
      การที่จะรักษาขนของสุนัขปอมเมอเรเนียน ให้สวยงามนั้นทำได้ง่ายมาก เจ้าของสุนัขใหม่ๆส่วนใหญ่จะเชื่อว่า จะต้องอาบน้ำให้สุนัขทุกสัปดาห์ และต้องคอยแปรงขนตลอด ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด และจะทำให้ขนของเค้าเสียอีกด้วย
      การอาบน้ำบ่อยเกินไป จะทำให้ขนของปอมเมอเรเนียนแห้ง บาง และทำให้ขนร่วงตลอดเวลา การใช้โลชั่น และน้ำยาทำความสะอาดชนิดต่างๆ ติดต่อกันก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบได้ ส่วนใหญ่แม้ว่าขนชั้นนอกจะสกปรกแล้ว แต่ขนชั้นในก็จะยังคงสะอาดอยู่ ด้งนั้นการแปรงขน เพียงสัปดาห์ละครั้ง และใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่อุ่นๆ ลูบขน จากนั้นจึงเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดอุ่นๆ ซึ่งบิดพอหมาดๆ ก็นับว่า เพียงพอที่จะทำให้ขน ของปอมเมอเรเนียนอยู่ในสภาพดีแล้ว
 
                      แชมพูที่ใช้อาบน้ำให้สุนัขควรเป็นแชมพูที่ผลิตโดยเฉพาะ เพราะจะไม่ส่งผลกระทบต่อการระคายเคืองของผิวหนังและสภาพขน ในขณะอาบน้ำอาจจะใช้สำลีอุดรูหูทั้งสองข้างก่อนอาบ หรือใช้มือกดใบหูทั้งสองข้างให้หลุบลง เวลาอาบน้ำควรราดน้ำให้เปียกทั่วตัวก่อนแล้วจึงเทแชมพูลงไปแล้วเกาให้ทั่วลำตัว หลังจากนั้นก็ใช้น้ำล้างสบู่ออกให้สะอาดหมดจด เมื่ออาบเสร็จก็ต้องเช็ดตัวให้แห้งพร้อมกับแปรงขนทุกครั้ง การเช็ดตัวให้แห้งเป็นการป้องกันความอับชื้นซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรค และช่วยป้องกันโรคปอดบวมได้ ส่วนในด้านของการออกกำลังกายนั้น การออกกำลังกายมากๆ หรือใช่พื้นที่เยอะๆ ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับปอมเมอเรเนียน แต่เราควรหันมาใส่ใจสักนิด ควรเริ่มพาปอมฯออกกำลังกายตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถควบคุมเวลาในการออกกำลังกายไ ด้ ควรให้เดินเล่นวันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15 นาที ถ้าปล่อยให้วิ่งเล่นกลางแจ้งนานเกินไป(โดยเฉพาะเวลาที่แดดจัด)อาจทำให้สุนัขเกิดอาการช็อค อาการนี้อาจส่งผลให้สุนัขเสียชีวิตได้
                      การพาน้องปอมไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ปอมท้องไม่ผูก และสามารถป้องกันโรคได้อีกหลายๆชนิด การที่สุนัขได้วิ่งด้วยความเร็วและสนุกสนาน มีผลดีต่อหัวใจ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ ต่อมขับต่างๆ ได้อุ่นเครื่องจนร้อน เมื่อกลับจากการออกกำลังกายก็สามารถกินอาหารได้มากขึ้น ยิ่งถ้าได้อาหารที่ถูกต้องยิ่งทำให้สุนัขมีสัดส่วนที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง รวมถึงมันจะมี step การเคลื่อนไหวที่ดี และสวยงาม อย่างไรก็ดีไม่ควรให้สุนัขออกกำลังกายหลังจากที่กินอาหารอิ่มเต็มที่

 
มาตรฐานสายพันธุ์
   
ขนาด
น้ำหนักของปอมฯ โดยเฉลี่ยแล้วจะหนักประมาณ 3-7 ปอนด์ (ประมาณ 1.25-3 กก.) แต่ขนาดที่ดีสำหรับการประกวดนั้นควรหนักประมาณ 4-6 ปอนด์ (1.7-2.5 กก.) ถ้าสุนัขหนักมากกว่าหรือน้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ถือว่าผิดมาตรฐาน รูปร่างของสุนัขมีความสำคัญกว่าขนาดของสุนัข ช่วงตั้งแต่หน้าอกจนถึงสะโพกจะสั้นกว่าหรือเท่ากับส่วนสูงตั้งแต่ช่วงไหล่จนถึงพื้น กระดูกมีขนาดปานกลาง
ศีรษะ
ขนาดของหัวต้องได้สัดส่วนกับลำตัว ช่วงปาก (MUZZLE) สั้นตรง หน้าดูคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก (FOXY EXPRESSION) หัวกะโหลกปิด ช่วงบนของหัวกะโหลกจะกลมเล็กน้อยแต่ไม่โหนกนูน ถ้ามองจากด้านหน้าและด้านข้างแล้วจะต้องเห็นหูที่มีขนาดเล็กอยู่ในตำแหน่งที่สูง (HIGH EARSET) และตั้งตรง รูปร่างปากจะมีลักษณะคล้ายรูปลิ่ม(WEDGE SHAPE) เส้นที่ลากจากจมูกไปถึงจุดหัก (STOP) จะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างตาทั้งสองข้างและหูทั้งสองข้าง ตามีสีดำสนิท สดใส ขนาดปานกลาง คล้ายเมล็ดอัลมอนด์ (ALMOND SHAPE) สีของจมูกและขอบตาต้องดำสนิท ยกเว้นปอมฯ สีน้ำตาล BEAVER และ BLUE ฟันต้องกัดสบกันพอดี (SCISSORSBITE)
คอ
คอค่อนข้างสั้น ตั้งอยู่บนไหล่ ทำให้ช่วงคอตั้งสูง แลดูสง่างาม ช่วงหลังสั้น มีระดับของเส้นหลัง หางมีตำแหน่งที่สูง (HIGH TAILSET) วางราบตรงอยู่บนหลัง
ลำตัวหน้า
ไหล่จะต้องมีการเอียงลาดลงเพียงพอ เพื่อให้สามารถชูคอและหัวได้สูงและสง่างาม ความยาวของช่วงไหล่และขาตอนบนต้องเท่ากัน ขาหน้าต้องตรงและขนานกัน ความยาวตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกต้องมีความยาวเท่ากับข้อศอกถึงพื้น ขาต้องตรงและแข็งแรง ไม่เอียงเข้าหรือเอียงออก
ลำตัวหลัง
ได้สัดส่วนกับลำตัวส่วนหน้า ตำแหน่งของหางจะต้องอยู่เหนือสะโพกค่อนมาทางด้านหน้าต้นขา ต้องมีกล้ามเนื้อแข็งแรงปานกลาง และมีส่วนหน้าของขาหลัง (STIFLES) มีมุม (ANGULATION) ที่โค้งงอพอสมควรรับกับส่วนน่อง (HOCK) ต้องตั้งฉากกับพื้น ถ้ามองจากด้านหลังขาทั้ง 2 ข้างต้องตรงและขนานกัน เท้ามีลักษณะโค้งมนกระชับ ไม่เอียง สุนัขต้องยืนอยู่ปลายเท้า (TOES) นิ้วติ่ง (DEWCLAWS) ถ้ามีควรตัดออก
ขน
สุนัขปอมฯ มีขน 2 ชั้น คือ ขนชั้นใน (UNDERCOAT) ต้องนุ่มและแน่น ขนชั้นนอก(OUTTERCOAT) ต้องยาวตรงเป็นประกายและหยาบ ขนชั้นในที่หนาแน่นจะช่วยพยุงขนชั้นนอกให้ฟูไม่ลู่ เหยียดตรง ขนจะต้องหนาแน่นตั้งแต่ช่วงคอ หน้าอก ช่วงไหล่ด้านหน้า ขนช่วงหัวและขาจะแน่นแต่สั้นกว่าขนช่วงลำตัว ขนหางยาว หยาบและเหยียดตรง การตัดแต่งเล็มขนให้ดูสวยงามและดูเรียบร้อยไม่ถือเป็นข้อผิด
สีขน
สีที่ได้รับการยอมรับและรับรอง ควรได้รับการพิจารณาการตัดสินอย่างเท่าเทียมกัน สีที่ได้รับการยอมรับได้แก่
1. สีใดๆ ก็ได้ที่ขึ้นเป็นสีเดียวกันทั้งตัว หรืออาจจะมีสีที่อ่อนหรือแก่กว่าแซมอยู่ด้วย (SELT-COLOR)
2. สีแซมกัน 2 สี (PARTI-COLOR) หมายถึงปอมฯ ที่มีสีขาวและมีสีอื่นแซมเป็นพื้นๆ กระจายเท่าๆ กันทั่วตัว และควรมีแถบสีขาวบนหัวด้วย
3. สีดำและน้ำตาล (BLACK AND TAN) หมายถึงปอมฯ มีสีดำที่มีสีน้ำตาลอยู่เหนือตาทั้ง 2 ข้างและปาก ลำคอ หน้าอก ใต้หาง ขาและเท้าทั้ง 4 ข้าง สีน้ำตาลนี้ยิ่งเข้มยิ่งดี
4. BRINDLE ได้แก่ปอมฯ ที่มีพื้น คือ สีทอง แดงหรือส้ม และมีสีดำแซมอยู่ทั่วทั้งตัว


Afghan Hound — ♥ ``

 
 
อัฟกัน ฮาวนด์
งามสง่า รักสันโดด จงรักภักดี



 
ลักษณะทั่วไป
อัฟกาน ฮาวน์ เป็นสุนัขที่มีความสง่างาม ดูแล้วเป็นสุนัขที่มีความคลาสสิคมากในตัว เมื่อมองจากด้านหน้าจะดูตรงหัวเชิด ตรงคอยาวโค้งได้สัดส่วน ขนยาว ท่วงท่าในการเคลื่อนไหวจะต้องสง่าวามให้สมกับที่ฝรั่งเขาตั้งให้ว่าเป็น THE KING OF DOG
ความเป็นมา
จากประเทศที่เขาทำให้ได้ชื่อนี้มาอัฟกัน ฮาวนด์ เป็นสุนัขประจำชาติถึงแม้ว่าจะไม่เป็นทางการก็ตาม ชนพื้นเมืองอัฟกัน เชื่อว่าสุนัขพันธุ์นี้คือสุนัขในภาพวาดบนผนังถ้ำในตอนเหนือของประเทศ แคว้นบัคก์ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขพันธุ์อัฟกัน ฮาวนด์ มีอีกชื่อหนึ่งว่า บัลก์ฮาวนด์ พวกเขาเป็นนักล่าด้วยสายตามากกว่าการดมกลิ่น เนื่องจากมีสายตาที่ฉับไวเป็นเลิศ และมีความว่องไวซึ่งเป็นสิ่ง สำคัญในการไล่ล่าเหยื่อขนที่หนาฟูปกป้องพวกเขาจากอากาศหนาวจัดในบริเวณตอนเหนือที่มีหิมะตก และในขณะเดียวกันก็ป้องกันพวกเขาจากแสงแดดที่รุนแรงของทะเลทรายอุ้งเท้าที่หนาและใหญ่ และขาหลังที่แข็งแรง ทำให้พวกเขาสามารถเดินทางข้ามทะเลทราย ร้อนจัดหรือบนเขาขรุขระได้
ลักษณะนิสัย
กล่าวว่านิสัยดีแต่โดดเดี่ยว รักสันโดด พวกเขามีความจงรักภักดี และเชื่อฟังคำสั่งเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าขณะที่เป็นลูกสุนัขเขาจะไม่ชอบเล่นสนุกเหมือนสุนัขทั่วๆไป โดยรวมแล้ว สุนัขพันธุ์นี้เข้ากันได้ดีมากกับเด็ก ๆ ไม่ว่าจะคุณจะพาเขาเข้าบ้านตั้งแต่เป็นลูกสุนัขหรือตอนโตแล้ว แล้วก็ตาม พวกเขายังสามารถปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรภายในบ้านได้อย่างไม่ขัดเขิน หากคุณพาเขาไปข้างนอก ก็ไม่ควรปล่อยให้เขาเดินเล่นโดยไม่มีสายตูง เพราะทันทีที่สายตาเขาเล็งเห็นเป้าหมายที่น่าสนใจ ประสาทหู ของเขาจะไม่ได้ยินเสียงคำสั่งของคุณอีกต่อไป
การดูแล
 
{pic-alt}
สำหรับสุนัขชนิดนี้ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องล้อมรั้ว เนื่องจากสายตาที่ว่องไวของเขามักจะก่อให้เกิดปัญหา ควรให้เขาได้ ออกกำลังกาย อาบน้ำและได้รับการดูแลรักษาขนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการให้อาหารที่เหมาะสมกับลักษณะการเจริญเติบโตตั้งแต่ยังเป็นเด็กและควรจะเตรียมน้ำสะอาดให้ พวกเขาตลอดเวลาด้วย
 
 
 
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
ผู้เลี้ยงที่เข้าใจว่าพวกเขาต้องการออกกำลังกายและให้ความสำคัญต่อการดูแลขนอย่างสม่ำเสมอก็สามารถเป็นเจ้าของสุนัขพันธุ์นี้ได้
  {pic-alt}
{pic-alt}    
มาตรฐานสายพันธุ์
   
 
ขนาด
 ตัวผู้สูง 27 นิ้ว ตัวเมียสูง 25 นิ้ว อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าไม่เกินหนึ่งนิ้ว 
ศีรษะ
 โหนกยาวได้สัดส่วน บ่งบอกถึงความสมดุลกับลำตัว หน้าผากและใบหน้าเรียบไม่ควรมีสต๊อป สันจมูกเรียบ หรืออาจจะโก่งเล็กน้อย ขนตรงส่วนหัวจะต้องยาวนุ่มสลวย แต่ขนที่ใบหน้าต้องสั้นเกรียน ลูกสุนัขบางตัวจะมีหนวด แต่จะหลุดออกเมื่อโตขึ้น  
ตา
 ยาวคล้ายผลอัลมอนด์ ดวงตาสีดำหรือสีคล้ำใสไม่ฝ้าฟาง  
หู
 ยาว ต้องอยู่ในแนวเดียวกับตา เนื้อปลายหูจะต้องยาว เวลาวัดจะต้องยาวถึงจมูก อย่างน้อยที่สุด ปกคลุมด้วยขนยาว  
คอ
 ยาว แข็งแรง โค้งมนได้สัดส่วน จนถึงหัวไหล่ ซึ่งยาวโค้งและลู่ไปข้างหลัง  
จมูก
 โตพอสมควรและต้องเป็นสีดำ  
ลำตัว
 เส้นตรงในระดับหัวไหล่ถึงสะโพกแข็งแรงและมีกระดูกสะโพกโผล่ เล็กน้อย สีข้างเรียบ ความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่เท่ากับความยาวจากข้างหน้าถึงข้างหลัง 
หาง
 ไม่อยู่สูงเกินไปจากเส้นหลัง ต้องขดเป็นวงแหวนหรือตรง ส่วนปลายโค้งเหมือนดาบแขก แต่จะต้องไม่ขดเหมือนก้นหอย หางต้องไม่เบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง เวลาวิ่งหางจะต้องไม่ไปจุกที่ก้น  
ขาหน้า
 ตรง แข็งแรง และมีช่วงยาวสวยงามระหว่างข้อศอกกับข้อพับเท้าสุนัขที่มีหัวไหล่ตรงเป็นสุนัขที่ผิดแสตนดาร์ด  
ขน
 ปกคลุมยาวทั้งตัวยกเว้นขนหลัง หน้าและหางมีขนปกคลุมยาวไม่มาก ลักษณะเส้นขนนุ่มเส้นบางไม่หนาหยาบ ในสุนัขที่โตเต็มที่ขนหลังจะต้องสั้นเกรียนสีเข้มกว่าสีขนบนลำตัว  
สี
 ทุกสี เช่น ขาว ครีม เทา ดำแดง ดำเงิน รวมไปถึงลายเสือ 
น้ำหนัก
 ตัวผู้ประมาณ 28 กก. ตัวเมียประมาณ 23 กก


http://www.dogilike.com/breeds/36/อัฟกัน-ฮาวนด์.php